พบกับ 10 น้ำหอมสุดฮิต กลิ่นแสนคลาสสิค ที่สาวๆ ทุกคนควรมีไว้ในครอบครอง

หนึ่งในเครื่องสำอางที่สาวๆทั่วโลกให้ความสำคัญ เราคงต้องยกให้ “น้ำหอม” เป็นหนึ่งในไอเท็มสำคัญเพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเอง และวันนี้เราจะพาสาวๆมาทำความรู้จัก 10 น้ำหอมแบรนด์ดังที่เป็นที่นิยมของสาวๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Chanel: No.5 ที่ถูกยกย่องโดยนิตยสาร Glamore ว่าเป็น ‘น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” หรือ Estee Lauder: Bronze Goddess น้ำหอมเจ้าของฉายา “แค่ได้กลิ่นก็เหมือนได้พักร้อน” ตามด้วยสองน้ำหอมสุดปัง Libre และ Black Opium จากแบรนด์ Yves Saint Laurent
ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนซื้อน้ำหอมอยู่ล่ะก็ จงเตรียมปากกาของคุณเอาไว้ให้ดี เพราะวันนี้เราขอเสนอรายชื่อสิบน้ำหอมขายดีสุดคลาสสิค ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน หรือไม่ว่าใครจะได้กลิ่น ก็ต้องชื่นชอบในกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละแบรนด์ โดยลิสต์ที่เรานำเสนอในวันนี้เป็นลิสต์น้ำหอมที่ได้รับนิยมที่สุดจากการจัดอันดับของนิตยสาร Glamour อันได้แก่

Chanel: No.5 (ราคาประมาณ 3,813 – 7,200 บาท)
Chanel: No.5 น้ำหอมกลิ่นแรกของ Chanel ที่วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1921 โดย Chanel No.5 ได้รับการยกย่องว่าเป็นเป็นน้ำหอมคลาสสิคอันดับหนึ่งที่มีความเป็นเอกลักษณ์และชัดเจนในตัวเองมากที่สุด และมีประวัติยาวนานถึง 100 ปี ด้วยส่วนผสมจาก ดอกมะลิ มะกรูด เลมอน และ ดอกกุหลาบ

Yves Saint Laurent: Black Opium (ราคาประมาณ 3,131 – 6,975 บาท)
Yves Saint Laurent: Black Opium เป็นน้ำหอมอีกแบรนด์ที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลก โดย Black Opium เป็นน้ำหอมที่ซุปเปอร์โมเดลอย่าง จิเซล บุนเชน หลงไหล ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและเท่ห์ ในแบบสไตล์ร็อคแอนด์โรล กับส่วนผสมที่ลงตัวอย่างเมล็ดกาแฟ พริกไทยชมพู ดอกมะลิ และต้นซีดาร์


Chanel: Coco Mademoiselle (ราคาประมาณ 4,154 – 7,440 บาท)
Chanel: Coco Mademoiselle (ซ้าย) และ Lancome: La Vie Est Belle (ขวา) ซึ่งก่อนจะผลิตน้ำหอมทั้งสองรุ่นนี้ออกมาเป็นเวอร์ชั่นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผ่านต้นแบบการทดลองมากกว่าห้าพันครั้ง และใช้ระยะเวลานานถึงสามปีเพื่อผลิตกลิ่นที่ดีที่สุดออกมา

Estee Lauder: Bronze Goddess (ราคาประมาณ 4,185 บาท )
Estee Lauder: Bronze Goddess แบรนด์สัญชาติอเมริกา ที่นำน้ำหอมยอดนิยมอย่างรุ่น Bronze Goddess มาแนะนำให้สาวๆได้รู้จัก Estee Lauder’s Bronze Goddess เป็นน้ำหอมที่มีฉายาว่า “แค่ได้กลิ่นก็เหมือนได้พักร้อน”

Dior: Miss Dior (ราคาประมาณ 3,069 – 5,239 บาท)
ตามด้วย Dior: Miss Dior แบรนด์ดังจากฝรั่งเศสที่ผลิตน้ำหอมรุ่นยอดนิยมนี้ โดย ‘Miss Dior’ เป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่มหอมเพื่อโชว์เสน่ห์ความอ่อนหวานแต่มีกลิ่นอายของความเย้ายวน อันเป็นคาแร็ตเตอร์ของผู้หญิงเจ้าเสน่ห์ในแบบฉบับของ Dior ที่หรูหรา อ่อนหวาน แต่เย้ายวน โดยเป็นการผสมผสานของกลิ่นจากดอกกุหลาบตุรกี, ส้มแมนดาริน, และกำยาน

Yves Saint Laurent: Libre (ราคาประมาณ 3,379 – 5,735 บาท)
อีกหนึ่งแบรนด์จากฝรั่งเศลกับ Yves Saint Laurent: Libre น้ำหอมสำหรับสุภาพสตรีผู้หลงรักในอิสรภาพ ชอบการใช้ชีวิตในกฏเกณฑ์ของตัวเอง โดยกลิ่น Libreให้ความหอมในตระกูลกลิ่นฟลอรัลที่ให้ความรู้สึกเท่และเซ็กซี่ได้แรงบันดาลใจมาจากความหรูหราของปารีสผสมผสานความมีชีวิตชีวาของมหานครนิวยอร์คกลิ่นน้ำหอมใหม่แห่งอิสรภาพ ถือเป็นกลิ่นไฮไลต์ที่ร้อนแรงสุดแห่งปีของ YSL

Paco Rabanne: Lady Million (ราคาประมาณ 3,069 บาท )
Paco Rabanne: Lady Million น้ำหอมชื่อดังสัญชาติสเปน น้ำหอมที่มีกลิ่นพิเศษเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เด่นชัดด้วยกลิ่นความอ่อนโยนจาก Bitter orange ผสมผสานกับความหอมจากน้ำมันหอมระเหย neroli ผสานกลิ่นความนุ่มนวล ดอกมะลิซ้อน และดอกส้ม ที่เข้มข้น โดย Anne Flipo ได้อธิบายไว้ว่า “ความล้ำลึกและพลังที่แท้จริง ทำให้เกิดมิติที่เปล่งแสงและแผ่รังสีให้กับกลิ่น คล้ายความรู้สึกที่ต้องมนต์ต้องได้สัมผัสความหอมหวานของกลิ่น”

Giorgio Armani: Si (ราคาประมาณ 3,100 – 7,595 บาท )
Giorgio Armani: Si ได้รับการดีไซน์กลิ่นโดยจูลี่ มาสส์ (Julie Massé จากสถาบันนักออกแบบน้ำหอม MANE) เพื่อสะท้อนถึงบุคลิกคู่ขนานของผู้หญิงที่มีขั้วต่างทางอารมณ์ ระหว่างด้านสว่างสดใส กับเสน่ห์เย้ายวนในด้านมืด Si ให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Sì โดยการใช้กลิ่นหอมของ blackcurrant Jungle Essence nectar ปรุงผสมด้วยหัวน้ำหอมกลิ่นลูกแพร์ เพื่อให้เซ้นส์แห่งความเบิกบาน สดใสผสานกลิ่นอายความเผ็ดร้อนด้วยความหอมจากเครื่องเทศพริกไทยสีชมพู

Jo Malone London: Pomegranate Noir (ราคาประมาณ 6,324 บาท)
ปิดท้ายด้วย แบรนด์จากเกาะอังกฤษอย่าง Jo Malone London: Pomegranate Noir มาอยู่ในรายชื่อน้ำหอมคลาสสิคด้วย โดยให้คำนิยามของน้ำหอมรุ่นนี้ว่า ‘ติดตรึงใจ’ เพราะมีส่วนผสมของกลิ่นโหระพา พิมเสน และดอกลิลลี่
Image Credit
www.esteelauder.com
www.fundgrube.es
www.500px.com
www.esteelauder.co.uk
www.johnlewis.com
Article Reference