5 ศาสตร์แพทย์ทางเลือกสุดเริดย่านเจริญกรุง ที่ลองแล้วจะติดใจ
เคยมั้ย? ปวดเมื่อยสุดพลังแต่หาร้านนวดดี ๆ ไม่ได้ หลายคนเลยมักจะนวดผ่อนคลายให้พอสบายเป็นครั้งคราว แต่หลังจากที่เราได้ยินชื่อเสียงของสถาบันพรหมวชิรญาณ คลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน บริเวณหน้าวัดยานนาวา ย่านเจริญกรุง เราเลยรีบพุ่งตัวไปทันทีและต้องตะลึงกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีน ชาวญี่ปุ่น และชาวยุโรปที่มาใช้บริการกันจนเตียงแน่น ร่ำลือกันว่า คุณหมอที่นี่ฝีมือดีรักษาหายขาดมาแล้วหลายราย FYI จึงรวบรวม 5 ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่จัดว่าเด็ดจัดปลัดบอก พร้อมศาสตร์การนวดสุดแปลกที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!
การเข้ามาเช็คอินที่นี่คุณจะได้ทั้งความสุขกายสบายใจ เพราะรายได้จากการรักษาสมทบกองทุนโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่สำหรับพระภิกษุ สามเณร ในพระราชูปถัมภ์ ฯ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อพระภิกษุและสามเณรอาพาธ โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ จังหวัดอุบลราชธานี ด้วยนะ เอาล่ะ! ออกเดินทางไปกับเราได้ตามลายแทงภาพถ่ายสวย ๆ ได้เลย
ศูนย์พรหมวชิรญาณสหคลินิก
ก่อตั้งขึ้นโดยมูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ ซึ่งได้รับพระราชานุญาตจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงตระหนักถึงความสำคัญของศาสตร์การแพทย์แผนไทย ตลอดจนการฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลพระภิกษุ สามเณร และผู้สูงอายุ จึงจัดตั้งโครงการสถาบันวิจัยและพัฒนาสมุนไพร “เฉลิมพระเกียรติมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา” เพื่อรองรับงานวิจัยและพัฒนาทางเภสัชภัณฑ์จากสมุนไพร และจัดตั้งสถาบันพรหมวชิรญาณแห่งแรกภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสาขาที่สอง ณ วัดยานนาวา
พจ. สุขใจ พนิชศักดิ์พัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันพรหมวชิรญาณ ฯ (ที่สองจากซ้าย) เล่าให้ฟังว่า แรกทีเดียวศูนย์พรหม ฯ สาขาวัดยานนาวา ก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาภิกษุสงฆ์อาพาธและผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก แต่ด้วยได้รับความนิยมจากประชาชนจำนวนมาก จึงได้เปิดให้บริการรักษาแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงชาวต่างชาติทีแวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่
เมื่อเข้ามาภายในศูนย์พรหมวชิรญาณสหคลินิก สาขาวัดยานนาวา คุณจะสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายภายใต้การตกแต่งแบบไทยประยุกต์ กรุ่นกลิ่นหอมของสมุนไพรที่อวลไปทั่วอาคาร โดยชั้น 1 เป็นโซนสำหรับการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน ส่วนชั้น 2 เป็นโซนการรักษาด้วยแพทย์แผนไทย แต่ก่อนจะทำการรักษาด้วยศาสตร์ใด ๆ ของที่นี่ เราต้องพูดคุยกับคุณหมอ เพื่อตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้นและสอบถามอาการที่ต้องการรักษา
จากนั้นคุณหมอจะเลือกศาสตร์การรักษาที่เหมาะสมกับคุณ โดยแบ่งเป็นศูนย์การแพทย์แผนไทย 4 แผนก ได้แก่ นวดไทย บำบัดรักษาแผนไทย ดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอด (แผนกนี้คนทั่วไปก็เข้ารับการดูแลได้นะคะ) และอบไอน้ำ ส่วนศูนย์การแพทย์แผนจีนจะแบ่งการรักษาออกเป็น 5 แผนก ได้แก่ ฝังเข็ม ครอบแก้ว กัวซา ทุยหนา และปรับสมดุลหยิน-หยาง
1.เช็คความฟิตด้วย “Foot Reflexology”การนวดกดจุดสะท้อนเท้าหรือ Foot Reflexology เป็นศาสตร์การรักษาเก่าแก่ของชาวอียิปต์และชาวจีนกว่า 5,000 ปี ก่อนจะเป็นที่นิยมในเมืองไทยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเน้นบริเวณฝ่าเท้าของคนเราที่มีจุดสะท้อนมากถึง 62 จุด เชื่อมโยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายถึง 62 ส่วน และให้ความรู้สึกแตกต่างกันถึง 62 แบบ (อันนี้บอกยากหน่อย เพราะความเจ็บจี๊ด เจ็บหน่วง หรือตึง ๆ มันก็คล้ายกันอยู่นะ) ระหว่างกดจุดลงบนเท้า คุณหมอก็จะสอบถามและสังเกตอาการของเราไปด้วยคุณอาจจะคิดว่า มันก็เหมือน ๆ ที่หมอเอาไม้แข็ง ๆ มากดไล่ไปตามจุดต่าง ๆ บนเท้านั่นล่ะ ขอบอกว่าแตกต่างค่ะ เพราะคุณหมอที่มีความรู้และความชำนาญในเมืองไทยยังมีน้อย เพราะต้องเข้าใจเรื่องของ “Zone Therapy” หรือการกำหนดบริเวณที่ต้องการการรักษา และ “Reflexology” หรือกระบวนการสะท้อนกลับอย่างลึกซึ้ง จึงจะค้นหาจุดที่ไม่สมดุลภายในร่างกาย จุดที่พิษสะสม และบอกโรคได้ถูกต้องแม่นยำ ก่อนจะทำการรักษาในขั้นตอนต่อไป บางคนถึงกับเสียน้ำตาให้กับการนวดกดจุดสะท้อนเลยล่ะ
นวดแบบนี้เหมาะกับใคร
-คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายและปัสสาวะ
-คนที่มีความเครียดสูง ความจำไม่ค่อยดี นอนไม่หลับ
-คนที่มีภาวะวัยทอง หรือประจำเดือนไม่ปกติ
-คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตา หู และจมูก
-คนที่มีอาการปวดเมื่อย ปวดหลัง อัมพฤต อัมพาต
-คนที่มีปัญหาระบบต่อมน้ำเหลือง
-คนที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน
-คนที่สวมรองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ รองเท้าผ้าใบ และคัทชู (บีบจมูกนิ้วโป้ง ทำให้ระบบหายใจไม่ดี)
2.Aura Detox ขจัดสารพิษให้ผิวเปล่งปลั่งทั้งเรือนร่างความน่าสนใจของศาสตร์นี้อยู่ที่การขจัดสารพิษในร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะเป็นการผสานพลังบำบัดของ 3 สิ่งเข้าด้วยกัน นั่นคือ พลังหินบำบัดควอนตัม พลังหยกผสานแสงออร่า และพลังที่อยู่ในเส้นใยที่ถักทอด้วยแสงอินฟาเรด ตลอด 2 ชั่วโมงของการดีท็อกซ์คุณจะรู้สึกผ่อนคลายไปกับการนวดรักษาถึง 1 ชั่วโมง ปิดท้ายด้วยการนอนรับพลังบนเตียงหยกอุ่นสบาย ปล่อยให้พลังงานทั้ง 3 ค่อย ๆ ไหลเวียนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อกระตุ้นกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกายด้วยวิธีธรรมชาติผ่านทางเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระนั่นเอง
นอกจากนี้ ความอบอุ่นที่เกิดจากแสงอินฟราเรดจะกระตุ้นการทำงานของโมเลกุลน้ำในร่างกาย ช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ระบบเผาผลาญดีขึ้น ปรับความเป็นกรด-ด่างในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ลดอาการเหน็บชา และผ่อนคลายระบบประสาทอัตโนมัติให้ทำงานได้ดีขึ้น คุณหมอแนะนำให้เข้ารับการรักษาแบบ Aura Detox สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และควรทำให้ครบ 1 ชุดการรักษา (เท่ากับ 10 ครั้ง) ราคาต่อครั้งอยู่ที่ 500 บาท แต่หากลงคอร์สจะเหลือ 4,500 บาท (เท่ากับรักษาฟรีหนึ่งครั้งค่ะ)
3.”ฝังเข็ม” คืนความกระจ่างใส-ลดน้ำหนักได้ด้วยอาจจะฟังแล้วเจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ขอบอกว่า ศาสตร์การรักษาแบบแพทย์แผนจีนนี้มีมานับพันปีนี้แล้ว ทั้งยังผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 1973 ว่าสามารถรักษาโรคได้มากกว่า 80 รายการ เช่น หอบหืด ไซนัส ภูมิแพ้ ปวดศีรษะ ไมเกรน ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วน และลดการอักเสบของกระดูกสันหลัง ฯลฯ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น ลดปัญหาสิว ฝ้า หน้ามัน รูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูกระจ่างใส และรู้สึกกระชับ
การฝังเข็มต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เรื่องจุดต่าง ๆ ของร่างกายเท่านั้น เพื่อช่วยให้การรักษาปลอดภัยและช่วยเยียวยาอาการต่าง ๆ ได้ถูกต้อง (ครั้งละ 600 บาทต่อ 1 อาการ) นอกจากจะฝังเข็มเพื่อความงาม สาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักแบบไม่ต้องอด ลองมาฝังเข็มที่นี่ดูสิคะ คุณหมอบอกว่า สามารถลดไขมันสะสมและช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย แต่ต้องทำให้ครบ 10 ครั้งถึงจะเห็นผลจริง
ส่วนการกัวซาใบหน้าและร่างกายใช้เพื่อตรวจหาสารพิษตกค้างในอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งจะปรากฏเป็นรอยจ้ำแดงบนผิว บริเวณไหนที่มีรอยจ้ำออกสีแดงเข้มจนม่วง (ส่วนที่ใบหน้าคุณหมอจะไม่กัวซาจนเกิดรอยแดงจ้ำให้คุณต้องตกใจ) บ่งบอกถึงการสะสมพิษที่มากเกินไปในอวัยวะใดของร่างกาย ทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ขับสารพิษตกค้าง และช่วยทำความสะอาดรูขุมขนอีกด้วย ก่อนการรักษาด้วยศาสตร์นี้ควรรับประทานอาหารให้เรียบร้อยก่อน 1-2 ชั่วโมง ดื่มน้ำอุ่น และควรงดอาบน้ำหลังฝังเข็ม 2 ชั่วโมง แนะนำให้นอนพักผ่อนเต็มที่จะช่วยให้ร่างกายเฟรซขึ้น
การฝังเข็มอาจทำควบคู่กับการครอบแก้วเพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนน้ำเหลือง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ปรับสมดุลเลือดลม บรรเทาอาการเจ็บปวด คลายกล้ามเนื้อ และลดอาการอักเสบของเส้นเอ็น
ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครในการฝังเข็มของศุนย์พรหม ฯ อยู่ที่การใช้ “โกฐจุฬาลัมพาจีน” หรือ “อ้ายฉ่าว” สมุนไพรจีนโบราณที่ใช้ในการรักษาโรคมานับพันปี ควบคู่กับการฝังเข็ม โดยแพทย์จะจุดไฟลงบนโกฐจุฬาลัมพาที่ฝังอยู่ด้านบนของเข็ม เพื่อนำพาฤทธิ์ยาเข้าไปสู่ร่างกายโดยมีเข็มเป็นสื่อกลางนั่นเอง โดยโกฐจุฬาลัมพาจีน มีรสเผ็ด ขม และฤทธิ์อุ่น ช่วยไล่ความชื้น บรรเทาอาการคัน และระงับอาการเจ็บปวดได้ดี นิยมนำมาใช้ในการรมยาโดยใช้ใบแห้งบดผงแล้วปั้นเป็นก้อนจุดรมบริเวณฝังเข็ม โดยหนังสือ “เปิ่นฉ่าวกังมู่” บันทึกการใช้โกฐจุลาลัมพาจีนในการรมยาว่า ต้องใช้สมุนไพรเก่าเก็บ หากใช้ยาใหม่อาจทำร้ายกล้ามเนื้อเส้นลมปราณได้
4.อบสมุนไพรให้ผิวใส-จิตใจสุขสงบ
หลายคนรู้จัก “การอบสมุนไพร” ศาสตร์เก่าแก่จากภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทย แต่น้อยคนที่จะเคยอบตัวด้วยสมุนไพรสด ซึ่งเปี่ยมด้วยพลังแห่งการบำบัดและคุณภาพดีกว่าสมุนไพรแห้ง โดยการมิกซ์ส่วนผสมจากสมุนไพรต้องเลือกจาก 4 สายคือ 1. สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมหรือมีฤทธิ์เป็นน้ำมันหอมระเหย ช่วยไล่หวัด คลายความเมื่อยล้า และรักษาโรคผิวหนัง 2. สมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว หรือมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกตกค้าง 3. สมุนไพรที่ใช้รักษาเฉพาะโรค เช่น เหงือกปลาหมอรักษาโรคผิวหนังและผื่นคัน 4. สารระเหิดที่เมื่อโดนความร้อนจะมีกลิ่นหอมผ่อนคลาย เช่น การบูร พิมเสน ฯลฯ การอบสมุนไพรจึงเหมาะกับคนที่มีความเครียดสะสม ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะเรื้อรัง มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ผื่นคันตามผิวหนัง ทั้งยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นและน้ำหนักลดชั่วคราวด้วยนะ
5.ปรับสมดุลหยิน-หยางด้วย “ทุยหนา”
ชาวจีนถ่ายทอดศาสตร์การนวดรักษาแบบทุยหนามากว่า 5,000 พันปี มีบันทึกในคัมภีร์ซู่เวิ่นกล่าวว่า แรกทีเดียวใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยและเจ็บปวดจากการทำนา ล่าสัตว์ และยามศึกสงคราม ก่อนจะพัฒนาการรักษาจากรุ่นสู่รุ่น โดยแพทย์แผนจีนเชื่อว่า ทุยหนาสามารถทะลวงเส้นลมปราณจึงช่วยให้เลือดไหลเวียนดีลดอาการปวดเมื่อย และขับไล่ความเย็นออกจากร่างกาย ช่วยจัดเส้นเอ็นให้เข้าที่และช่วยบรรเทาอาการบวมของข้อต่อ ทั้งยังปรับสมดุลหยิน-หยางของอวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างสมดุล ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันลดอาการกล้ามเนื้อตึงตัว และคลายความเครียดได้อย่างดี
ใครที่อยากแวะไปลองประสบการณ์แปลกใหม่ของศาสตร์การนวดแผนไทย-จีนที่ศูนย์พรหมวชิรญาณ ฯ สาขาวัดยานนาวา แนะนำให้โทร. สอบถามเบื้องต้นที่ 02-5793521 , 02-5614520 เปิดให้บริการจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-19.00 น. และสาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 02-5793521 หรือคลิกเข้าไปติดตามได้ที่ www.promwachirayan.org
- รวมไอเดียแฟชั่นชุดกี่เพ้า ตรุษจีนปีนี้คุณต้องเก๋จัดกว่าใคร - January 20, 2020
- พัทยาพาฟิน! ขับรถไปเช็คอินเก๋ๆ ที่ร้าน ‘ไทยมาเช่’ กันดีกว่า - December 5, 2019
- นิทรรศการ Living Cemetery นิทรรศการเดี่ยวของปราง เวชชาชีวะ - August 30, 2019
สมัชชา เกิดมาในยุคภาพถ่ายขาวดำและกล้องฟิล์มผ่านการร่ำเรียนด้านการถ่ายภาพจาก.
คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยร่วมงานถ่ายภาพกับเอเจนซี่ชื่อดังก่อนจะไปใช้ชีวิตที่ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
สมัชชา เป็นช่างภาพมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับว่าสามารถสร้างความมหัศจรรย์และมนต์เสน่ห์ให้แก่ภาพถ่ายทุกภาพได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งในด้านการจัดวางองค์ประกอบ การให้แสง ตลอดจนการทำ Post Production เขามีปรัชญาการทำงานว่า “สร้างความแปลกใหม่ให้กับงานธรรมดาๆ แต่ต้องสามารถใช้งานได้จริง”
สมัชชา ยังคงถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง ใช้ชีวิตอันแสนจะวุ่นวายกับภรรยาและแมวอีก 40 ตัว
writer | นักเขียนสายมู ผู้หลงใหลศาสตร์การทำนาย บำบัด ศิลปะ กาแฟ ดนตรี ซีรีย์ และซอมบี้ เป็นชีวิตจิตใจ คลุกคลีอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนมาเกือบ 20 ปี เคยเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนาม นักเขียนประจำนิตยสารชื่อดัง และนักเขียนประจำเอเยนซี่โฆษณาเบอร์ต้นของเมืองไทย ก่อนที่คลื่นดิจิทัลจะพัดพาให้กลายเป็นนักเขียนอิสระที่มีลูก ๆ เป็นกระต่ายหูตกให้ดูแลถึง 9 ตัว