มิโด เปิดตัวนาฬิกา รุ่นใหม่ COMMANDER GRADIENT
ครั้งแรกกับลุคสปอร์ต บนหน้าปัดแบบใส เผยกลไกลอันยอดเยี่ยมตามแบบฉบับสวิตเมด
การพลิกโฉมนาฬิกาคอลเลคชั่นของ มิโด (Mido) ถือเป็นครั้งแรกสำหรับแบรนด์นาฬิกาดังจากสวิตเซอร์แลนด์ กับการสร้างสรรค์นาฬิกาจักรกลรุ่นใหม่อย่าง Commander Gradient ที่มาพร้อมกับหน้าปัดแบบเล่นแสงเงา และสีเทาควันบุหรี่ซึ่งถูกไล่เฉดสีไปจนถึงเห็นความโปร่งใสที่สามารถมองทะลุได้ จนเห็นชุดเฟืองของกลไกที่มีความยอดเยี่ยมอย่าง Caliber 80 ที่อยู่ใต้หน้าปัดจากทั้ง 2 ฝั่งของตัวนาฬิกา ด้านหน้าหรือผ่านทางฝาหลังแบบใส ความเที่ยงตรงและการออกแบบที่มีความโดดเด่นของ Commander Gradient ได้เปิดเผยให้เห็นถึงรูปแบบของความแตกต่างกัน เช่น ขอบตัวเรือนสีดำที่มีการขัดเงา ตัวเรือนสีดำที่มีการขัดลายซาติน และสัมผัสที่สวยเด่นของหลักชั่วโมงและชุดเข็มที่มากับสีส้มซึ่งถือเป็นโทนสีที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยรูปแบบที่โดดเด่นและชวนให้แปลกใจนั้นจะทำให้นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเล็กชั่น ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์จะส่องประกายความโดดเด่นอยู่บนข้อมือของใครก็ตามที่ใช้ชีวิตด้วยความเร็ว
แนวคิดสถาปัตยกรรมที่อยู่เบื้องหลังสไตล์อันโดดเด่น
เส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์ และอยู่บนตัวเรือนของนาฬิกาในคอลเล็กชั่น Commander ของ Mido ถือเป็นภาพสะท้อนของเงาโครงสร้างของหอไอเฟล และด้วยตัวเรือนที่มีจุดเด่นอยู่ที่ขอบตัวเรือนบางเฉียบและมาพร้อมกับการขัดลายซาตินั้น รูปทรงที่เป็นแบบกลมได้แสดงให้เห็นถึงแนวโค้งของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ ขณะที่หลักชั่วโมงและชุดเข็มที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมาพร้อมกับการขัดเงาบนพื้นผิวของชิ้นงานที่เป็นโลหะนั้น ชวนให้ระลึกถึงโครงเหล็กของตัวหอไอเฟล ที่มีความโดดเด่นเหนือกาลเวลาและยืนท้าทายความเปลี่ยนแปลงของเวลามานานถึง 5 ทศวรรษ เฉกเช่นเดียวกับ Mido ผลิตคอลเล็กชั่นนี้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องนับจากรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 19591 เช่นเดียวกับหอคอยที่มีชื่อเสียงของชาวปารีส คอลเล็กชั่น Commander ถือเป็นสัญลักษณ์แท้จริงของแบรนด์ กับธรรมเนียมปฏิบัติที่สอบทอดกันมา และองค์ความรู้ในการผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์
ความแปลกใหม่ แต่ยังเผยให้เห็นถึงความดั้งเดิม
หน้าปัดแบบโปร่งใสของ Commander Gradient เชิญชวนให้กับสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ชิ้นส่วนกลไกที่อยู่ข้างใน แต่ยังคงความคล้ายหน้าปัดดั้งเดิมที่เป็นสีเทาควันบุหรี่ แต่เพิ่มความน่าสนใจด้วยการไล่เฉดสีออกไปทางขอบนอกของหน้าปัด ขณะที่ช่องวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาถูกจัดวางอย่างลงตัวเมื่ออยู่บนพื้นแบ็คกราวน์สีขาว
ไม่ต่างจากแผงหน้าปัดควบคุมระบบทั่วไปที่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจนเมื่ออยู่ในที่มืด เหมือนกับหลักชั่วโมงได้รับการขัดเงา และชุดเข็มชั่วโมง-นาที ออกแบบให้มีรูปทรงแบบไดมอนด์คัต พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-Luminova สีส้ม และเข็มวินาทีเคลือบเงาด้วยโทนสีสัญลักษณ์ของ Mido ทั้งหมดคือความโดดเด่นที่แตกต่างและเข้ากันอย่างลงตัว สำหรับกระจกของตัวนาฬิกาจะเป็นแซฟไฟร์ทรงโดม ช่วยสร้างความโดดเด่นรับกับหน้าปัดสีเทาควันบุหรี่เป็นแบ็คกราวน์อยู่ทางด้านหลัง
ความแตกต่างที่สุดเซอร์ไพรส์
Mido ออแบบเพิ่มความสวยงามให้กับตัวเรือนของ Commander Gradient ด้วยโทนสีดำเข้ม ตัดกันอย่างลงตัวกับการขัดแต่งและพื้นผิวที่อยู่บนตัวเรือน ซึ่งมาพร้อมกับขอบตัวเรือนสีดำที่มีการขัดเงา และตัวเรือนสีดำที่มีการขัดลายซาติน โดยทั้ง 2 ส่วนนี้ผลิตจากเหล็กที่มีการเคลือบ PVD สีดำ และเพิ่มความสปอร์ตด้วยสายผ้าใบสีดำที่มีการเดินด้ายสีส้มและตัวรัดสายแบบบานพับ ฝาหลังแบบใสและขันเกลียวได้รับการผลิตจาก Stainless Steel ซึ่งมีส่วนให้ Commander Gradient เป็นมิตรกับผู้สวมใส่และรองรับกับการใช้งานที่หลากหลายแม้แต่ในสภาพการใช้งานที่โหดๆ สามารถกันน้ำระดับ 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต) ขณะที่ระบบกลไกไม่เพียงแต่จะสามารถมองเห็นชิ้นส่วนได้จากทางด้านหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นจากทางด้านหลังได้ด้วย โดยผ่านทางฝาหลังแบบใส มีการตกแต่งลวดลายเจนีวา สไตรป์บนชุดโรเตอร์ของกลไก Caliber 80 ซึ่งถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการบ่งบอกถึงการเป็นกลไกแบบอัตโนมัติ โดยเมื่อมีการขึ้นลานจนเต็ม กลไกชุดนี้จะมีกำลังสำรองสูงสุดนานถึง 80 ชั่วโมงเลยทีเดียว
นอกจาก Commander Gradient จาก Mido ตัวเรือนเคลือบ PVD ดำ สายผ้าใบดำ ยังมีอีก 3 ทางเลือก คือ ตัวเรือนสตีลสีเงิน หรือเคลือบ PVD สีดำ พร้อมกับสายโลหะ หรือตัวเรือนสตีลและเคลือบ PVD สี Rose Gold มากับสายหนังสีดำ เสมือนถนนที่แตกต่างกันที่จะถูกสัมผัสโดยล้อของรถแข่ง … Commander Gradient กับการถอดหน้ากากออกมาในลุคสปอร์ต และการผจญภัยครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว วันนี้ที่ เคาน์เตอร์ มิโด (Mido) ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
รายละเอียดทางเทคนิค
กลไก : กลไกอัตโนมัติ Mido Caliber 80 (พื้นฐานจาก ETA C07.661) ขนาด 11” เส้นผ่าศูนย์กลาง 25.60 มม. หนา 4.74 มิลลิเมตร มี 25 จีเวล ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง / ขัดแต่งสวยงามตามเกรด Elabore / โรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido / บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ / ปรับตั้งเพื่อความเที่ยงตรงสูงใน 3 ตำแหน่ง / กำลังลานสำรองสูงถึง 80 ชั่วโมง
ตัวเรือน : ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดลายซาตินเคลือบ PVD สีดำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร / ประกอบด้วย 3ชิ้นส่วน / แซฟไฟร์คริสตอลทรงโดม / ฝาหลังแบบขันเกลียว สามารถมองเห็นกลไกนาฬิกาที่ขัดแต่งมาเป็นอย่างดีตามเกรด Elabore ผ่านทางฝาหลังแบบใส / ฝาหลังมีการสลักหมายเลขประจำเรือน / กันน้ำถึงระดับ 5 บาร์ (50 เมตร/165 ฟุต)
สาย : ผ้าใบสีดำเดินด้วยด้ายสีส้ม ตัวรัดสายแบบบานพับผลิตจาก Stainless Steel เคลือกบ PVD สีดำ
หน้าปัด : อะครีลิก ตรงกลางเป็นแบบใสและมีการไล่ความเข้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงขอบนอก (เป็นโทนสีเทาควันบุหรี่) / หลักชั่วโมงมีการขัดเงาและเคลือบด้วยสารกันการสะท้อนแสง Super-Luminova สีส้ม / ช่องแสดงวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา
เข็ม : เข็มชั่วโมงและนาทีเป็นรูปทรงแบบแฟล็ต ไดมอนด์คัต เคลือบด้วยสารกันการสะท้อนแสง Super-Luminova สีส้ม เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการมองยามค่ำคืน / เข็มวินาทีเคลือบเงามีสีส้ม
เกี่ยวกับ Mido
จอร์จ แชเรนได้เลือกวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สิ้นสุดลง ในการก่อตั้งแบรนด์ Mido ขึ้นมาและถือเป็นวันสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและเปี่ยมด้วยความกล้าแกร่งของผู้นำในการมองไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ในปี 2018 Mido มีอายุครบ 100 ปีและยังคงเดินหน้าต่อไปโดยยึกปณิธานและเส้นทางที่ถูกวางเอาไว้โดยจอร์จ แชเรน และด้วยโอกาสที่พิเศษในครั้งนี้ทาง Mido ได้นำเสนอเรือนเวลาที่เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ซึ่งแต่ละรุ่นจะยังคงคุณค่าที่มีอยู่ใน DNA ของแบรนด์ Mido ตลอดช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องของการออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา การเลือกใช้วัสดุที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ และนวัตกรรมทางด้านเทคนิค
ในปัจจุบัน Mido มีสานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเลอล็อค ใจกลางเทือกเขาจูรา ในสวิตเซอร์แลนด์ และชื่อ Mido มาจากคำภาษาสเปนว่า “Yo mido” ซึ่งมีความหมายว่า “I Measure”
ปรัชญาของ Mido ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดในการผสมผสานระหว่างนวัตกรรม การสร้างสรรค์ และประโยชน์ในการใช้งานที่ถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดย Mido ได้นำเสนอถึงคุณค่าเหล่านี้ผ่านทางงานออกแบบในนาฬิกาแต่ละคอลเล็กชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของโลกแต่ละแห่งซึ่งมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
นอกจากนั้น ความล้ำสมัยของเทคโนโลยี กลไกอัตโนมัติที่ได้รับการปรับแต่งและถูกสร้างขึ้นภายใต้ความยอดเยี่ยมและคุณภาพที่สูงของวัสดุที่ประกอบอยู่ภายในนั้น ยังถือเป็น 3 จุดสำคัญที่ Mido ยึดถือเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาเรือนเวลาภายใต้ความเชี่ยวชาญที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครของตัวเอง อีกทั้ง Mido ยังให้ความสำคัญต่อความประณีต ซึ่งคุณจะสามารถสัมผัสได้ผ่านทางการออกแบบที่ปรากฏอยู่ในเรือนเวลาทุกรุ่นภายใต้แบรนด์ Mido ที่มีคุณภาพที่อยู่เหนือกาลเวลา และนอกจากการออกแบบเน้นความคลาสสิคโดยที่ไม่วิ่งไปตามเทรนด์หรือแฟชั่นซึ่งจะมีการหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนั้น เรือนเวลาของ Mido ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของความทนทานอีกด้วย
ในฐานะของผู้ผลิตนาฬิกาจักรกลจากสวิตเซอร์แลนด์ Mido ได้สร้างสิ่งใหม่ๆ ให้กับโลกแห่งเรือนเวลาระดับโลกตลอด 100 ปีที่ผ่านมา นาฬิกา Mido มีจำหน่ายที่ตัวแทนแต่งตั้ง 2,700 รายใน 70 ประเทศทั่วโลก Mido เป็นแบรนด์ในเครือ Swatch Group ผู้นำด้านธุรกิจนาฬิการายสำคัญของโลก
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.midowatches.com
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ถึงกองบรรณาธิการ pr.fyibangkok@gmail.com โทรศัพท์ 096 449 9516