Now Reading
15 ความเชื่อของคนทั่วโลกในช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้โชคดีทั้งงานและความรัก!

15 ความเชื่อของคนทั่วโลกในช่วงเทศกาลปีใหม่ ให้โชคดีทั้งงานและความรัก!

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเข้าสู่เที่ยงคืนของวันส่งท้ายปีเก่า ทุกวัฒนธรรมทั่วโลกต่างก็มีความเชื่อและประเพณีเก่าแก่เกี่ยวกับ ‘เทศกาลปีใหม่’ ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งความเชื่อส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวกับการขอพรให้โชคดี มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ชีวิตมีแต่สิริมงคลตลอดปี FYI รวม 15 ความเชื่อเกี่ยวกับ New Year’s Tradition ในวันที่ 31 ธันวาคมจากหลากหลายวัฒนธรรมทั่วโลก เพื่อเป็นไอเดียดี ๆ ในวันที่เราต้องเก็บตัวอยู่บ้านแต่ก็ไม่พลาดที่จะเคานท์ดาวน์ให้อินเทรนด์ในแบบ New Normal….ไม่แน่ความเชื่อบางอย่างอาจเสริมดวงให้เฮงตลอดปีและแฮปปี้สุด ๆ เลยก็ได้นะ!

1. Ring in a glass!

‘แชมเปญ’ เป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองที่เก่าแก่เช่นเดียวกับที่จักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ด นิยมใช้กระบี่เปิดแชมเปญเพื่อดื่มด่ำกับชัยชนะในสนามรบที่เรียกว่า ‘Champaign Sabering’ ส่งผลให้แชมเปญกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองในหลายวัฒนธรรมจนถึงปัจจุบัน ทว่าชาวเม็กซิกันที่สืบทอดความเชื่อเก่าแก่นี้มาจากชาวสเปนอีกที พวกเขาจะใส่แหวนทองลงในแก้วแชมเปญ ก่อนจะชนแก้วแล้วพูดดัง ๆ ว่า ‘Salud’ เพราะเชื่อว่าการดื่มแชมเปญที่มีแหวนทองจะนำพาความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต หรือจะประยุกต์ใช้วัตถุสีทองขนาดเล็ก เช่น จี้ ต่างหู หรือเข็มกลัด ก็นำมาใส่ในแก้วแชมเปญได้เช่นกัน (อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดให้ดีก่อนใส่ลงในแก้วนะ)

2. อยากรวยต้องกิน ‘ปลา’ เสริมโชคลาภ!

ปลาเป็นเมนูระดับ a must ประจำเทศกาลปีใหม่สำหรับชาวจีนและหลายวัฒนธรรมทั่วโลก ชาวจีนเชื่อว่าปลาจะว่ายน้ำไปในทิศทางเดียวเท่านั้น คือพุ่งทะยานไปข้างหน้า เช่นเดียวกับเวลาที่ไม่เคยย้อนกลับ อีกทั้งคำว่า ‘ปลา’ ในภาษาจีน (鱼) ออกเสียงว่า ‘ยู่’ เช่นเดียวกับคำว่าสิริมงคล (余) ชาวจีนจึงเชื่อกันว่าการกินปลาทั้งตัวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวจะนำมาซึ่งความมั่งคั่งและโชคลาภตลอดปี โดยมีกฎง่าย ๆ เกี่ยวกับการกินปลาในช่วงปีใหม่ นั่นคือส่วนหัวของปลาจะต้องชี้ไปทางผู้อาวุโส และหัวปลาหันไปสบตากับใครคนนั้นจะได้กินปลาก่อนนั่นเอง

3. อยากโชคดีมีความสุข ต้องสวมชุด ‘สีขาว’

อย่าแปลกใจหากคุณไปเคานท์ดาวน์ที่ประเทศบราซิล แล้วเห็นผู้คนสวมเสื้อผ้าสีขาวเต็มไปหมด พวกเขาไม่ได้ถือศีลหรือสวดมนต์ข้ามปีเหมือนบ้านเรา แต่ชาวบราซิลเชื่อว่าชุดสีขาวจะดึงดูดความโชคดีและความสงบสุขมาสู่ชีวิต นอกจากนี้ ชาวบราซิลยังนิยมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กันริมชายหาด พวกเขาจะสวมชุดสีขาวก่อนจะก้าวสู่ทะเลเบื้องหน้า แล้วกระโดดข้ามคลื่นให้ครบ 7 ลูกไปพร้อม ๆ กับการขอพร 7 อย่าง โดยคลื่นแต่ละลูกเป็นตัวแทนความปรารถนาที่คาดฝัน เปรียบเสมือนคุณจะก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลายไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง

4. อยากรู้จัก ‘เนื้อคู่’ ให้วางใบไม้ไว้ใต้หมอน

หนึ่งในความเชื่อเก่าแก่ที่แสนโรแมนติกของชาวไอริส คือการนำใบฮอลลี่หรือใบไม้เลื้อยวางไว้ใต้หมอนก่อนเข้านอนในคืนส่งท้ายปีเก่า ชาวไอริสเชื่อว่า วิธีนี้จะช่วยให้ฝันถึง ‘คู่แท้’ (Soulmate) หรือคนที่คุณจะได้แต่งงานด้วยในสักวัน ปัจจุบันความเชื่อนี้ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย หากแต่มีการปรับเปลี่ยนใบไม้ไปตามพืชของแต่ละท้องถิ่น เน้นหาง่ายและขอแค่เป็นไม้เลื้อยก็ได้หมด แต่จะให้ดีควรทำความสะอาดใบไม้ให้เรียบร้อยและเลือกใบที่ไม่มีขนจนคันคะเยอ นอกจากคุณจะไม่ได้ฝันถึงเนื้อคู่แล้วยังต้องเปลี่ยนมานั่งเกาตลอดคืนแทน ส่วนใครที่ยังโสดหรืออยากพบเนื้อคู่ที่เฝ้ารอมานาน จะลองใช้เทคนิคนี้ของชาวไอริสก็ไม่เสียหายนะ

5. โชคดีตลอดปี ต้องกินองุ่นให้ครบ 12 ลูก!

หากคุณมีโอกาสได้เคานท์ดาวน์กับเพื่อนชาวสเปน แล้วเห็นองุ่นน่าอร่อยจัดวางไว้ในภาชนะเก๋ ๆ ก็อย่าเพิ่งจกกินเล่นเชียว โดยชาวสเปนจะเฝ้ารอช่วงเวลาเที่ยงคืนอย่างใจจดใจจ่อ แล้วฟังเสียงนาฬิกาโบราณตีบอกเวลาครบ 12 ครั้ง ในทุกครั้งที่เสียงนาฬิกาดังขึ้นพวกเขาจะกินองุ่นครั้งละ 1 ลูก เพราะเชื่อว่า องุ่นแต่ละลูกเป็นตัวแทนของเดือนทั้ง 12 และเป็นการขอพรให้โชคดีทุกเดือน ส่วนชาวฟิลิปปินส์เชื่อว่า การกินผลไม้ทรงกลมในคืนข้ามปี เช่น แอปเปิ้ล ส้ม และลูกพีช จะช่วยให้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์และมั่งคั่ง เช่นเดียวกับหลายวัฒนธรรมที่เชื่อกันว่า ‘ทรงกลม’ เป็นตัวแทนความดีงาม รวมถึงการสวมเสื้อผ้าลายจุดและการโยนเหรียญตอนเที่ยงคืนก็เช่นกัน

6. แขกคนแรกของปี มีความสำคัญกับชะตาชีวิต!

ชาวสก๊อตแลนด์เชื่อว่า แขกคนแรกที่มาเคาะประตูบ้านในวันที่ 1 มกราคม มีความสำคัญอย่างมากต่อชะตาชีวิตของคุณ หากเป็นพนักงานส่งของก็ให้ทักทายด้วยรอยยิ้มและอวยพรให้พวกเขามีความสุข ถ้าเป็นแม่ค้าก็ควรอุดหนุนสินค้าและอวยพรให้ค้าขายร่ำรวย จะให้ดีสุดต้องเปิดบ้านต้อนรับคนจิตใจดีเป็นคนแรกของปีใหม่ จะได้มีแต่เรื่องดี ๆ พบกัลยาณมิตรที่นำพาชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง

ส่วนทางตอนเหนือของอังกฤษผู้ชายผิวเข้ม ตัวสูง และหล่อเหลาเข้าทำนอง Dark, Tall, Handsome จะเนื้อหอมอย่างมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะใคร ๆ ก็อยากให้เขาถือของขวัญติดไม้ติดมือมาทักทาย จะเป็นขนมปัง คุกกี้ หรือวิสกี้ก็ได้ ขอแค่มาเคาะประตูบ้านเป็นคนแรกหลังเที่ยงคืน แล้วอวยพรให้บ้านหลังนั้นมีแต่ความสุขและโชคดีเท่านี้ก็โอ.เค.

7. ตีระฆัง 108 ครั้ง ปลุกพลังบวกในตัวคุณ!

ที่ญี่ปุ่นมีประเพณีเก่าแก่ที่เรียกว่า ‘โจยะโนะคาเนะ’ (joya no kane) หรือการตีระฆังวันปีใหม่ เชื่อกันว่า เสียงกังวานของระฆังจะช่วยขับไล่กิเลสให้หลุดจากจิตใจ โดยพระญี่ปุ่นจะตีระฆังถึง 108 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวแทนของกิเลส 108 ประการ โดยบางวัดจะตีทั้งหมด 107 ครั้งภายในวันสิ้นปี (31 ธันวาคม) และตีครั้งสุดท้ายหลังเที่ยงคืน ขณะที่บางวัดจะตีครบ 108 ครั้งหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป

การตีระฆังจะช่วยชำระล้างจิตใจให้ขาวสะอาด ปราศจากกิเลส และช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิต ปัจจุบันความเชื่อนี้เริ่มเสื่อมคลายไปตามกาล เพราะชาวญี่ปุ่นบางคนร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนจนนอนไม่หลับ แต่หลายเมืองก็ยังคงรักษาประเพณีเก่าแก่ทางพุทธศาสนานี้ไว้ เช่น เกียวโต หรือบางคนก็เปลี่ยนมากดออด 108 ครั้งแทนจะได้ไม่รบกวนใคร นอกจากสร้างความหงุดหงิดใจให้เพื่อนบ้านก็เท่านั้น

8. เก็บกระเป๋าเดินทาง แล้ววิ่งรอบบ้านกันเลย!

เตรียมกระเป๋าเดินทางใบโปรดของคุณให้พร้อม เพราะเราจะออกเดินทางรอบบ้านโดยไม่ต้องพกอะไรไปเลยสักชิ้น ใช่! เรากำลังพูดถึงกระเป๋าที่ว่างเปล่านั่นล่ะ ชาวโคลอมเบียเชื่อว่า หากเก็บกระเป๋าเดินทางที่ว่างเปล่าแล้ววิ่งไปรอบบ้านหรือตึกที่พักอาศัยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แนะนำให้สวมรองเท้าผ้าใบ-ไม่ควรวิ่งเท้าเปล่าเป็นอันขาด) รับประกันว่า ปีหน้าจะเต็มไปด้วยการเดินทางและการผจญภัยที่กำลังรอให้คุณไปค้นพบ แต่ในยุคโควิด-19 คุณอาจจะต้องทำใจไว้สักนิดว่าอาจจะเก็บได้ไม่กี่สถานที่ ส่วนใครที่อยู่คอนโดหรือหอพักเราแนะนำให้ชวนเพื่อนสนิทสัก 2-3 คน มาทำภารกิจนี้ด้วยกัน จะได้ไม่อายลำพังและอาจจะได้เดินทางไปเที่ยวด้วยกันก็ได้นะ

9. ทุบเจ้าหมูตัวนั้นให้แตกละเอียดเลย!

อีกหนึ่งกิจกรรมสนุก ๆ ในคืนข้ามปีของชาวนิวยอร์กเกอร์คือ ‘การทุบหมู’ แต่ไม่ใช่น้องหมูตัวเป็น ๆ ที่เห็นแล้วอาจจะเศร้าใจแทน หากแต่เป็น The Peppermint Pig ลูกกวาดลายลูกหมูสีชมพูสอดไส้เปปเปอร์มินท์หรือใบสะระแหน่ ที่มีขายเฉพาะช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น โดยพวกเขาจะซื้อมาตีด้วยค้อนเล็ก ๆ จากนั้นให้กินชิ้นส่วนที่แตกละเอียดจนหมดเพื่อความโชคดีและความอุดมสมบูรณ์ในปีหน้า แต่อย่าคิดว่าการทุบหมูให้แตกจะเป็นเรื่องง่าย ๆ เชียว เพราะสะระแหน่มีความเหนียวและแข็งแรงในระดับหนึ่งเลยล่ะ งานนี้จึงต้องออกแรงกันหน่อย แถมกินแล้วลมหายใจหอมสดชื่นด้วยนะ!

10. เปิดหน้าต่างทุกบาน และห้ามทิ้งสิ่งของนอกบ้าน

ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง ชาวยุโรปในบางวัฒนธรรมจะเปิดประตู-หน้าต่างทุกบานในบ้าน เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีในปีเก่าออกไป และเปิดรับพลังงานบวกที่เทพแห่งสายลมจะพัดพาเข้าสู่บ้าน รวมถึงโชคลาภและความมั่งคั่ง แต่อย่าเปิดทิ้งไว้จนลืมปิดประตูและหน้าต่างก่อนนอนเชียว เดี๋ยวคุณจะต้อนรับแขกผู้ไม่หวังดีมายกเค้าไปแทน

ในวัฒนธรรมเดียวกันยังเชื่ออีกว่า ในวันที่ 1 มกราคม ไม่ควรมีสิ่งใดเลยที่นำมาไว้นอกบ้านยกเว้นถังขยะที่ไม่ควรปล่อยให้บ้านเหม็นในวันปีใหม่ พวกเขาจึงนำตระกร้ามาผูกเชือก วางสิ่งของ 2-3 อย่างลงไป พอเที่ยงคืนปุ๊บก็จะดึงตระกร้าเข้ามาในบ้าน นัยว่าเป็นการดึงสิ่งดี ๆ เข้ามานั่นเอง เพราะหากมีอะไรเข้ามาในบ้านก็จะส่งผลต่อสมาชิกในครอบครัวอีกด้วย หากบ้านของคุณมีพื้นที่ปลอดภัยจะใส่เพชร พลอย ทอง หรือเงินลงไปก็ไม่ผิดกติกา

11. สีของ ‘ชุดชั้นใน’ ที่ไม่ควรมองข้าม

นี่ไม่ใช่เรื่องวาบหวิวหรือเตรียมไว้เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นหลังปาร์ตี้เคานท์ดาวน์หรอกนะ แต่บางประเทศในแถบละตินอเมริกาเชื่อกันว่า สีของชุดชั้นในจะดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในอีก 12 เดือนข้างหน้าได้เลย ดังนั้น สาวละตินสุดแซ่บจึงนิยมสวมชุดชั้นในสีเหลืองเพื่อดึงดูดโชคลาภและเงินทอง ส่วนคนที่อยากแฮปปี้เรื่องความรักก็จะสวมชุดชั้นในสีแดง เพื่อให้เทพีแห่งความรักปะทานรักแท้ที่ทั้งเร่าร้อนและโรแมนติกสุด ๆ ตรงกันข้ามกับคนที่แสวงหาความสุขสงบของชีวิต พวกเธอจะขอใส่ชุดชั้นในสีขาวเสริมดวงให้ร่มเย็นเป็นสุขนั่นเอง

12. เทน้ำออกนอกหน้าต่าง ขับไล่วิญญาณร้าย

เป็นความเชื่อที่ชวนขนลุกเบา ๆ ที่ประเทศเปอร์โตริโกเชื่อกันว่า คืนวันสิ้นปี (31 ธันวาคม) ให้ตั้งถังนำไว้นอกหน้าต่างหรือเทน้ำหนึ่งถังออกนอกหน้าต่างบ้าน เพื่อขับไล่ภูติผีปีศาจและวิญญาณร้าย ที่หมายจะทำร้ายผู้คนให้มีแต่ความโชคร้ายและเจ็บป่วย แต่บางคนก็เปลี่ยนเป็นโรยน้ำตาลนอกบ้านแทน เพื่อขับไล่วิญญาณร้ายและเชิญชวนให้มีแต่ความหวานเข้ามาในชีวิต ซึ่งคุณก็ต้องระวังไว้สักนิดว่า หากชีวิตได้มาซึ่งความหวานก็อาจจะมีมดหรือแมลงต่าง ๆ ที่หลงรักน้ำตาลเข้ามากัดคุณถึงในบ้านแทน ดังนั้น แค่น้ำสะอาดก็พอเนอะ

13. มอบของมงคลให้แก่กันวันปีใหม่

ไม่ได้มีแค่ชาวจีนเท่านั้น ที่เชื่อเรื่องการนำสิ่งของมงคลหรือเครื่องรางนำโชคต่าง ๆ เข้าบ้านในวันปีใหม่ เพื่อนำสิริมงคลทั้งหลายมาให้แก่สมาชิกในครอบครัว หนึ่งในความเชื่อแสนจะน่ารักของเทศกาลปีใหม่ยังเกิดขึ้นที่ประเทศเยอรมนีและออสเตรีย พวกเขาจะนำสัญลักษณ์นำโชคต่าง ๆ อาทิ ตุ๊กตาหมู เห็ด และปล่องไฟ ที่เราสามารถหาซื้อเครื่องรางนำโชคเหล่านั้นได้ตามร้านค้าทั่วไป แล้วนำมามอบให้กับครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนสนิท เพื่ออวยพรให้พวกเขามีความสุขและสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

14. ให้น้องไก่ทำนายกัน! อยากสละโสดต้องผูกมิตรกับไก่

สาวโสดในประเทศเบลารุสมีประเพณีสนุก ๆ ที่นิยมสืบต่อกันมาหลายร้อยปี นั่นคือการให้ผู้หญิงโสดนั่งล้อมวงกันเป็นรูปวงกลม จากนั้นให้วางกองข้าวโพดไว้ตรงหน้าของพวกเธอ แล้วจับไก่ตัวผู้ลงไปตรงกลางวง หากไก่ตัวผู้จิกกินข้าวโพดของใครก่อน เชื่อว่าสาวโสดคนนั้นเตรียมตัวสละโสดเป็นคนแรกของกลุ่มได้เลย หรือถ้าไก่จิกกินไปเรื่อย ๆ จนครบกลุ่มก็ให้เรียงลำดับรายชื่อสาวโสดที่จะแต่งงานในอนาคต ในเรื่องนี้น้องไก่ไม่การันตีหรอกนะว่า คุณจะได้พบรักหรือแต่งงานภายในปีหน้า เอาเป็นว่า ขอแค่เจอคนที่ ‘ใช่’ ให้เป็นหนุ่มรูปงาม การศึกษาดี มีมารยาท บ้านรวย และรักแค่คุณคนเดียวเท่านั้นก็พอ เอ๊ะ! นี่เราจะขอมากไปหรือเปล่านะ

15. ไม่ซักผ้า ไม่สระผม และหาสิ่งของใส่ในกระเป๋า

Two girls dancing on glitter wall

นอกจากชาวจีนจะมีความเชื่อเรื่องเทศกาลปีใหม่อย่างมาก ชาวเกาหลีก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความเชื่อเรื่องโชคลางไม่แพ้กัน ในวันปีใหม่หากใครสระผมจะถือเป็นโชคร้ายและนำภัยมาสู่ตัว นั่นเพราะชาวเกาหลีเชื่อว่าเส้นผมมีความหมายต่อจิตวิญญาณของคนเรา หากสระผมก็เหมือนเป็นการล้างความโชคดีออกไป เช่นเดียวกับการซักผ้าในวันแรกของปีใหม่ เชื่อกันว่าใครซักผ้าจะล้างความโชคดีที่พวกเขาจะได้รับในปีหน้าไปด้วย  

ตรงข้ามกับการสวมเสื้อผ้าใหม่ในแบบที่หรูหรา หากใครได้สวมชุดใหม่ต้อนรับวันปีใหม่จะส่งผลให้คุณอัพเกรดการแต่งกายและฐานะของตัวเองให้ดีขึ้น (แบบเดียวกับเสื้อผ้าที่คุณซื้อนั่นล่ะ) สำคัญสุดได้ชุดใหม่แล้วไม่ควรปล่อยให้กระเป๋าใด ๆ บนชุด เช่น กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงหรือกระโปรง โล่งสนิทไม่มีสิ่งใดเลยเป็นอันขาด ถือกันว่า กระเป๋าที่ว่างเปล่าในวันแรกของปีใหม่จะนำไปสู่สภาวะการเงินที่คล้ายคลึงกันในช่วงที่เหลือของปีได้เลย แต่ก็ไม่มีวัฒนธรรมใดห้ามอาบน้ำในวันปีใหม่ ดังนั้น ปาร์ตี้มาทั้งคืนควรตื่นมาล้างคราบเหงื่อไคลด้วยนะ

อภิพร วัชรสินธุ์
Latest posts by อภิพร วัชรสินธุ์ (see all)