The Ultimate Farewell เมื่อพิธีศพกลายเป็น Moment แห่งประวัติศาสตร์
ในทุกยุคสมัย ความตายของบุคคลสำคัญเปรียบเสมือนการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ทั้งยังเป็นศิลปะขั้นสูงในการแสดงออกถึงอำนาจและคุณงามความดีของพวกเขา งานไว้อาลัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จึงเปรียบดั่งฉากจบอันยิ่งใหญ่ (Grand Finale) ที่ได้รับการออกแบบอย่างปราณีตบรรจง ทั้งยังบ่งบอกถึงสถานะของ ‘ผู้นำ’ ที่กลายเป็นตำนาน
ทุกองค์ประกอบของรัฐพิธีศพ ตั้งแต่ขบวนแห่ที่สมบูรณ์แบบไปจนถึงมวลชนนับแสน ล้วนแสดงออกถึงความผูกพัน ระเบียบวินัย และอำนาจ ทุกนาทีของพิธีจึงเป็นดังการแสดงออกทางศิลปะที่คนทั่วโลกจับตามอง
พิธีเฉลิมฉลองสู่ชีวิตหลังความตายของ ‘ฟาโรห์อียิปต์’ (2,686 – 2,181 ปีก่อนคริสตกาล)

พิธีศพของฟาโรห์ในอียิปต์เป็นพิธีกรรมที่ซับซ้อนและยิ่งใหญ่ที่สุดพิธีหนึ่งของโลกยุคโบราณ เชื่อกันว่า ฟาโรห์จะเปลี่ยนสถานะจากกษัตริย์ผู้มีชีวิตไปเป็นเทพเจ้าไอยคุปต์ ชาวอียิปต์จึงจัดพิธีศพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งในแง่ของขนาดและการลงทุน จะเห็นได้จาก ‘มหาพีระมิดแห่งกีซา’ (Giza Pyramids) ที่สร้างโดยฟาโรห์คูฟู (Khufu) สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยสร้างมา การสร้างพีระมิดนี้ต้องใช้ทรัพยากร แรงงาน และการวางแผนมหาศาลตลอดช่วงชีวิตของพระองค์ (อาจมากกว่า 20 ปี) ถือเป็นการเตรียมการพิธีศพที่ยิ่งใหญ่และใช้ทรัพยากรมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกหนึ่งสุสานที่ได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่า มีความยาวที่สุดและได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามที่สุดคือ ฟาโรห์เซติที่ 1 (Seti I) ด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในสุสานยังคงสีสันสดใส และมีรายละเอียดที่สมบูรณ์เกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนาและตำราของโลกหลังความตาย (เช่น Book of the Gates และ Book of the Amduat) ซึ่งสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของการเตรียมการเดินทางสู่โลกหน้าของฟาโรห์
ส่วนพิธีศพของฟาโรห์ที่สะท้อนความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างแท้จริงคือ ฟาโรห์ตุตันคามุน (Tutankhamun) แม้จะเป็นฟาโรห์ที่ครองราชย์เพียงระยะเวลาสั้น ๆ และสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทว่าการค้นพบสุสานของพระองค์ในปี ค.ศ. 1922 เผยให้เห็นสมบัติมหาศาลกว่า 5,000 ชิ้น รวมถึง หน้ากากทองคำ (Death Mask) และโลงพระศพทองคำแท้ ที่แสดงถึงความมั่งคั่งและรายละเอียดอันวิจิตรของพิธีฝังพระศพในยุคอาณาจักรใหม่ (New Kingdom)
‘จิ๋นซีฮ่องเต้’ กับเหล่าผู้ติดตามสู่อีกปรโลก (221 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

ความยิ่งใหญ่ของพิธีศพของ ‘จิ๋นซีฮ่องเต้’ หรือ ‘ฉินฉื่อหวงตี้’ (Qin Shi Huang) ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉิน ผู้รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียว แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่อลังการมาจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้จาก ‘มหาสุสานฉินสื่อหวง’ เมืองซีอาน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงเริ่มสร้างสุสานของพระองค์เองตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุเพียง 13 พรรษา โดยใช้เวลาสร้างรวมกว่า 38 ปี สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่า พระองค์จะยังคงปกครองอาณาจักรในโลกหน้าอย่างยิ่งใหญ่

ข้อมูลจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน (Chinese National Museum) เปิดเผยว่า สุสานใต้ดินของพระองค์สร้างให้มีลักษณะคล้าย ‘พีระมิดหัวตัด’ มีความลึกถึง 76 เมตร ภายในสุสานจำลองอาณาจักรทั้งหมดของพระองค์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งยังใช้ปรอทเหลวจำลองแม่น้ำและทะเลสาบสายสำคัญของประเทศ ที่สร้างชื่อเสียงที่สุดและเป็นเครื่องพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของพิธีศพคือ กองทัพทหารดินเผา (Terracotta Army) กองทัพและผู้รับใช้ของพระองค์ในปรโลก ทั้งการจัดวางสุสาน ทำเลที่ตั้ง และพิธีฝังศพ สื่อถึงความเป็นหนึ่งเดียวของอาณาจักรและจักรพรรดิได้อย่างแยบยล สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี ค.ศ. 1987 และเป็น “หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก” ที่บ่งบอกถึงอำนาจ ความทะเยอทะยาน และความยิ่งใหญ่ของปฐมจักรพรรดิแห่งแผ่นดินจีนอย่างชัดเจน
‘อับราฮัม ลินคอล์น’ ขบวนรถไฟแห่งการไว้อาลัย (ค.ศ. 1865)
พิธีศพของอับราฮัม ลินคอล์น (abraham lincoln) ในปี ค.ศ. 1865 เป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และเป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์ระดับชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พิธีนี้ไม่ได้เป็นเพียงการฝังศพผู้นำประเทศมหาอำนาจ แต่เป็นพิธีกรรมที่ช่วยเยียวยาบาดแผลจากสงครามกลางเมืองและรวมใจชาวอเมริกันให้เป็นหนึ่งเดียว ร่างของผู้นำถูกบรรจุในโลงศพก่อนจะเคลื่อนย้ายด้วย “ขบวนรถไฟแห่งการไว้อาลัย” (Lincoln’s Funeral Train) เป็นระยะทางกว่า 2,700 กิโลเมตร ผ่าน 7 รัฐ และ 18 เมืองหลัก
ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 สัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 21 เมษายน – 3 พฤษภาคม 1865) ประชาชนกว่า 7 ล้านคน ออกมาเรียงรายอยู่สองข้างทางรถไฟ เพื่อแสดงความเคารพและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย บางเมืองถึงกับสร้าง ซุ้มประตูศพ (Funeral Arch) ชั่วคราวขนาดใหญ่ต้อนรับขบวนรถไฟ เพื่อแสดงความอาลัยครั้งสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนที่ขบวนรถไฟจะสิ้นสุดการเดินทางที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ ถือเป็นการกลับสู่บ้านเกิดอย่างสมศักดิ์ศรีของวีรบุรุษผู้กอบกู้ประชาธิปไตย
ความยิ่งใหญ่ในรัฐพิธีศพของ ‘เซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์’ (ค.ศ. 1965)
พิธีศพของเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Sir Winston Churchill) นายกรัฐมนตรีผู้เป็นวีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่สองของสหราชอาณาจักร ถือเป็น ‘รัฐพิธีศพ’ (State Funeral) ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ ตามพระราชกฤษฎีกาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นเกียรติที่ปกติสงวนไว้สำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้น ท่านเป็นสามัญชนคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ในรอบกว่าศตวรรษ (นับตั้งแต่ดยุคแห่งเวลลิงตัน) ร่างของท่านตั้งไว้ ณ เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ (Westminster Hall) เป็นเวลาสามวัน โดยมีประชาชนกว่า 320,000 คน เข้าคิวรอเป็นระยะทางหลายไมล์เพื่อแสดงความอาลัย
เช้าวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1965 หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) ถูกสั่งให้เงียบเสียงลง เพื่อแสดงความเคารพต่อท่านตลอดทั้งวัน โลงศพถูกอัญเชิญขึ้นบนรถปืนใหญ่ โดยมีทหารทุกเหล่าทัพกว่า 7,000 นาย ร่วมขบวนแห่ไปยังอาสนวิหารเซนต์พอล (St Paul’s Cathedral) มีการยิงสลุตถึง 90 นัด ในไฮด์ปาร์ค เพื่อเป็นเกียรติแก่อายุ 90 ปีของท่าน มีผู้เข้าร่วมพิธีศพกว่า 3,000 คน รวมถึงผู้แทนจาก 120 ประเทศทั่วโลก ที่สำคัญสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จฯ เข้าร่วมพิธีด้วยพระองค์เอง พิธีนี้ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วโลก โดยมีการประเมินยอดผู้ชมไว้สูงถึง 350 ล้านคน โลงศพถูกอัญเชิญลงเรือ MV Havengore ล่องไปตามแม่น้ำเทมส์ ไปยังบ้านเกิดของท่านที่เมืองแบลดอน (Bladon) เพื่อฝังเคียงข้างครอบครัว เป็นการสดุดีครั้งสุดท้ายจากประชาคมโลกต่อวีรบุรุษผู้ยืนหยัดต่อต้านเผด็จการในยุคมืดของสงครามโลก
พิธีศพอันยิ่งใหญ่ของ ‘มหาตมา คานธี’ (ค.ศ. 1984)
ผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียด้วยหลักอหิงสา มหาตมา คานธี (Mahatma Gandhi) ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 แผ่นดินอินเดียทั้งมวลตกอยู่ในความโศกเศร้าครั้งใหญ่ มีฝูงชนหลายล้านคนมาร่วมพิธี ขบวนแห่ร่างของคานธีไปยังสถานที่ฌาปนกิจที่เมืองราชฆาต (Raj Ghat) นั้นยิ่งใหญ่ตระการตาและกินเวลายาวนานกว่า 5 ชั่วโมง ร่างของคานธีถูกวางบนราชรถที่ลากด้วยรถจี๊ปของกองทัพ มีทหารทั้งสามเหล่าทัพเข้าร่วมในขบวนแห่เพื่อถวายเกียรติสูงสุด
ว่ากันว่า มีประชาชนราวหนึ่งล้านคนมารวมตัวกันในกรุงเดลี และมีผู้ติดตามขบวนแห่ศพอย่างใกล้ชิดถึงสองแสนคน ผู้คนต่างปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้และอาคาร เพื่อมองเห็นผู้นำที่พวกเขาเทิดทูนเป็นครั้งสุดท้าย ร่างของคานธีถูกฌาปนกิจตามพิธีฮินดู ณ ริมแม่น้ำยมุนา อันเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความเรียบง่ายและเป็นสถานที่แสวงบุญสำคัญของโลก พิธีศพของคานธีจึงไม่ใช่แค่การส่งผู้วายชนม์ แต่คือการแสดงถึงการรวมพลังของชาติที่เพิ่งเป็นอิสระ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของ บุรุษผู้ไม่เคยถือครองอำนาจใด ๆ นอกเหนือจากความจริงและอหิงสา
‘เจ้าหญิงไดอาน่า’ พิธีศพของเจ้าหญิงแห่งปวงชน
การจากไปของเจ้าหญิงไดอาน่า (Diana, Princess of Wales) ในปี ค.ศ. 1997 ได้นำมาซึ่งพิธีศพที่ถูกขนานนามว่าเป็น “พิธีศพของเจ้าหญิงแห่งปวงชน” และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีผู้รับชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก พิธีศพซึ่งจัดขึ้นที่ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey) เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1997 ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ และมีผู้ชมทั่วโลกคาดการณ์ไว้สูงถึง 2,000 ถึง 2,500 ล้านคน รวมถึงประชาชนกว่า 1 ล้านคน มารวมตัวกันตามท้องถนนในกรุงลอนดอนตลอดเส้นทางขบวนแห่ เพื่อโบกมือและโปรยดอกไม้ใส่โลงพระศพที่อัญเชิญโดยรถปืนใหญ่
เซอร์ เอลตัน จอห์น (Sir Elton John) ได้ขับร้องเพลง ‘Candle in the Wind 1997’ ซึ่งปรับเนื้อเพลงเพื่อไว้อาลัยแด่เจ้าหญิงของปวงชน ขณะที่ขบวนแห่เคลื่อนผ่านพระราชวังบักกิงแฮม สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงแสดงความเคารพด้วยการโค้งคำนับต่อโลงพระศพของอดีตลูกสะใภ้ พระศพของเจ้าหญิงไดอาน่าฝังไว้เป็นการส่วนพระองค์บนเกาะกลางทะเลสาบภายในพื้นที่ของตระกูลสเปนเซอร์ที่อัลธอร์ป (Althorp) เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนสุดท้ายที่สงบและเป็นส่วนตัว
‘สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2’ ปฏิบัติการสะพานลอนดอนถล่ม
พิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) ในปี ค.ศ. 2022 เป็นรัฐพิธีพระบรมศพครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหราชอาณาจักร และเป็นไปตามโบราณราชประเพณีอย่างเคร่งครัด ท่ามกลางความอาลัยของคนทั่วโลก รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้จัดเตรียมแผนปฏิบัติการที่ใช้รหัสว่า “Operation London Bridge”เพื่อดำเนินการเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต พิธีการทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่เตรียมไว้ล่วงหน้านับสิบปี
รัฐพิธีพระบรมศพ จัดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2022 ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey) ซึ่งเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและอภิเษกสมรสของพระองค์ นับเป็นพระราชพิธีพระบรมศพของพระประมุขที่จัดขึ้นที่นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ท่ามกลางผู้นำรัฐและประมุขกว่า 500 ท่านทั่วโลกเข้าร่วมพิธี รวมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์จากราชวงศ์ต่าง ๆ โดยหีบพระบรมศพถูกประดิษฐาน ณ เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ (Westminster Hall) เป็นเวลา 4 วัน ประชาชนกว่า 400,000 คน ต่อคิวยาวเกือบ 8 กิโลเมตร เพื่อถวายความเคารพต่อหน้าพระบรมศพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงถูกฝังเคียงข้าง เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระราชสวามี ณ โบสถ์น้อยอนุสรณ์สถานพระเจ้าจอร์จที่ 6 ภายในโบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ เป็นการสิ้นสุดรัชสมัยที่ยาวนาน 70 ปีอย่างสมบูรณ์
ความยิ่งใหญ่ของพิธีไว้อาลัยพิธีไว้อาลัยบุคคลสำคัญ จึงเปรียบเสมือน “ความทรงจำแห่งชาติ” (National Identity and Collective Memory) ถือเป็นกระจกสะท้อนคุณงามความดีและอุดมการณ์ของผู้นำ เช่น วีรบุรุษสงคราม หรือเจ้าหญิงของปวงชน ซึ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตำนานระดับชาติ (National Myth) ที่เล่าขานสู่คนรุ่นต่อไป อีกทั้งการเข้าร่วมรัฐพิธีพระบรมศพ ของผู้นำและประมุขจากนานาประเทศ ยังเป็นการยืนยันสถานะความเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีอิทธิพลระดับโลก
กดติดตามเราได้ที่
website : www.fyibangkok.com
facebook : https://www.facebook.com/fyibangkok
instagram : https://www.instagram.com/fyibangkok
twitter : https://twitter.com/fyibangkok
youtube : https://www.youtube.com/channel/UChhOQmckv2fqgkXJZ-Q1nCA
ส่งข่าวประชาสัมพันธ์ถึงกองบรรณาธิการ : pr.fyibangkok@gmail.com
โทรศัพท์ 096 449 9516
- รวมไอเดียแฟชั่นชุดกี่เพ้า ตรุษจีนปีนี้คุณต้องเก๋จัดกว่าใคร - January 20, 2020
- พัทยาพาฟิน! ขับรถไปเช็คอินเก๋ๆ ที่ร้าน ‘ไทยมาเช่’ กันดีกว่า - December 5, 2019
- นิทรรศการ Living Cemetery นิทรรศการเดี่ยวของปราง เวชชาชีวะ - August 30, 2019


















